วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

การผลิตไก่เนื้อในประเทศไทย

          ไก่จัดว่าเป็นหนึ่งในสัตว์เศรษฐกิจที่อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน จากจุดเริ่มต้นที่มีการเลี้ยงแบบพื้นบ้าน โดยใช้ไก่พันธุ์พื้นเมือง1 และปล่อยให้คุ้ยเขี่ยอาหารเอง เมื่อถึงอายุที่สามารถขายได้ จะส่ง
เข้าโรงเชือดและส่งเนื้อออกขายยังตลาดสด วิธีการดังกล่าวส่งผลทำให้มีเนื้อไก่ออกสู่ตลาดน้อย ไม่เพียงพอต่อการบริโภค ทั้งยังส่งผลให้ราคาขายปลีกอยู่ในเกณฑ์ที่สูงกว่าเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ

          จนกระทั่ง ปี พ.ศ. 2463 การเลี้ยงไก่เริ่มกลายมาสู่การเลี้ยงเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกที่ ฟาร์มบางเบิดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 2 นับแต่นั้นเป็นต้นมารูปแบบการเลี้ยงไก่ถูกพัฒนาขึ้น โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาในการเลี้ยง จากรูปแบบการเลี้ยงในครัวเรือน มาสู่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เป็นฟาร์มเป็นอาชีพ จนเกิดการแยกสายพันธุ์ มีพันธุ์เนื้อ พันธุ์ไข่ เป็นต้น

          พัฒนาการเหล่านี้ส่งผลทำให้มีปริมาณเนื้อไก่เพื่อการบริโภคออกสู่ตลาดมากขึ้น ราคาไก่เนื้อปรับตัวลดลง พร้อมกับการเลี้ยงไก่ในระบบฟาร์มที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับได้รับ
การสนับสนุนจากรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม แต่อย่างไรก็ตามการผลิตไก่เพื่อการพาณิชย์ยังคงเป็นการผลิตเพื่อการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก จนกระทั่งในช่วงปี พ.ศ. 2516 บริษัทเจริญโภคภัณฑ์จำกัด ได้ร่วมมือกับบริษัทต่างชาติทดลองส่งไก่สดแช่แข็งไปประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ในนามของบริษัทกรุงเทพค้าสัตว์ จำกัด นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นแรกที่มีการส่งออกเนื้อไก่เพื่อการพาณิชย์ไปยังต่างประเทศ

         พัฒนาการะยะต่อมาของอุตสาหกรรมไก่เนื้อ พบว่ามีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของการส่งออกในลักษณะของไก่สด มาสู่ลักษณะของไก่แปรรูป โดยเริ่มต้นภายใต้เป้าหมายที่จะแสวงหามูลค่าเพิ่มของสินค้า ซึ่งเริ่มในปี พ.ศ. 2534 และจากจุดนั้นเองอุตสาหกรรมไก่เนื้อของประเทศไทยได้กลายมาเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกอันดับต้นๆของประเทศไทยจนถึงทุกวันนี้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่า แม้ปริมาณการผลิตและการส่งออกจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ส่วนแบ่งทางการตลาดของอุตสาหกรรมไก่เนื้อกลับมีลักษณะการวิ่งเข้าสู่ลักษณะของการผูกขาดมากขึ้น มีการกระจุกตัวอยู่ในมือของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีทุนมหาศาล และเหลือพื้นที่ให้กับเกษตรกรรายย่อยไม่มากนัก และมีแนวโน้มว่าในอนาคต อุตสาหกรรมไก่เนื้อจะมีเข้าใกล้ความเป็นตลาดผูกขาด (Monopoly) ซึ่งผลจากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อวิถีชีวิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่เนื้อของประเทศก่อนที่จะนำไปสู่การสรุปสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
http://sadathailand.org/index.php?option=com_content&view=article&id=13&catid=11:plan1&Itemid=35

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น